ไมเคิล โอเวน : ตำนานที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยูฯ

Guy Tanapon

ไมเคิล โอเวน : ตำนานที่อยู่กึ่งกลางระหว่างลิเวอร์พูลกับแมนฯ ยูฯ image

อยู่ในอันดับที่ 6 ของนักเตะผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของอังกฤษ, เคยได้รางวัลบัลลงดอร์, เป็น 1 ในนักเตะ 10 คนที่ทำประตูได้มากถึง 150 ประตูในพรีเมียร์ลีก, ลงเล่นในลีกอาชีพไปเกือบ 500 เกม ยิงได้ 200 กว่าประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ได้หลายรายการ

เชื่อว่าหากใครเห็นสถิติเหล่านี้แต่ยังไม่เห็นชื่อว่าเป็นใคร ก็น่าจะคิดกันไปตาม ๆ กันแล้วว่านักเตะรายนี้จะต้องเป็นนักเตะระดับตำนานอย่างแน่นอน

แต่ถ้าเฉลยว่าสถิติที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นของ ไมเคิล โอเวน อดีตกองหน้าชาวอังกฤษ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะเปลี่ยนคำตอบอย่างแน่นอน

เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว โอเวน ไม่ได้เข้าใกล้คำว่านักเตะระดับตำนานเลยในมุมมองของแฟนบอล แม้ว่าจะมีผลงานในอดีตยอดเยี่ยมแค่ไหนและเคยลงเล่นให้กับทีมยักษ์ใหญ่มาแล้วหลายทีม

แล้วอะไรกันนะ ที่ทำให้แฟนบอลมองว่า โอเวน ไม่ใช่นักเตะระดับตำนาน และแต่ละสโมสร ก็ไม่เคยที่จะมอบตำแหน่งนี้ให้กับเขาเลย? ตามอ่านเรื่องราวทั้งหมดต่อได้ที่นี่

เคยดังเท่าสี่เต่าทอง

Getty Images

ไมเคิล โอเวน เติบโตขึ้นมากับอคาเดมีของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเขาก็เป็นนักเตะที่ทำผลงานได้โดดเด่นเหนือเพื่อน ๆ ในรุ่นเดียวกัน ก่อนที่เขาจะใช้เวลาไม่นานในการขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ หลังจากที่เขาเป็นส่วนสำคัญในการพาหงส์แดงชุดเยาวชนคว้า เอฟเอ ยูธ คัพ

และเมื่อขึ้นมาในนามนักเตะเยาวชน เขาก็สร้างปรากฎการณ์ให้กับฟุตบอลอังกฤษทันทีด้วยการยิงไป 18 ประตู 2 ฤดูกาลติดต่อกันทั้ง ๆ ที่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วอังกฤษและทั่วโลกพอ ๆ กับศิลปินระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล อย่างสี่เต่าทอง “เดอะ บีเทิลส์”

ความเป็นซูเปอร์สตาร์เกิดขึ้นในตัวของเขาทันที ในช่วงนั้นนอกจากที่เขาจะเตะฟุตบอลแล้ว เขายังได้รับการติดต่อจากบริษัทต่าง ๆ ให้ไปเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์รวมถึงเล่นโฆษณาด้วย

คาแรคเตอร์ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลงานในสนามอันยอดเยี่ยมจะทำให้เขากลายเป็นที่โด่งดังจนได้เล่นโฆษณา แต่ก็ต้องพูดตรง ๆ ว่าหากเขาอยู่บนหน้าจอหรืออยู่ข้างนอกสนาม เขาดูจะเป็นนักฟุตบอลธรรมดา ๆ คนหนึ่งไม่ได้มีอะไรโดดเด่น

ต่างจากนักเตะระดับตำนานหลาย ๆ คนอย่าง ดิเอโก้ มาราโดนา, พอล แกสคอยน์, จอร์จ เบสต์ หรือว่า เดวิด เบ็คแฮม ที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นอย่างชัดเจน

อาการบาดเจ็บ

Getty Images

จุดตกต่ำของ โอเวน เริ่มต้นขึ้นในเกมที่ ลิเวอร์พูล พบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 1999 เขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายครั้งแรก แต่ถึงกระนั้น เขาก็สามารถสลัดอาการบาดเจ็บได้

หลังจากที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้แล้ว เขาก็กลับมาเป็น โอเวน ที่ร้อนแรงเหมือนเดิม โดยในปี 2001 เขาช่วย ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ 3 รายการ พร้อมกับคว้ารางวัลส่วนตัวอังทรงเกียรติอย่าง บัลลงดอร์ มาครองได้อีกด้วย แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้ ชีวิตของเขาก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ในปี 2004 เขาถูกขายให้กับ เรอัล มาดริด จุดหมายของนักเตะหลาย ๆ คน แต่ดูเหมือนว่าตัวของ โอเวน จะเริ่มดร็อปลงไป เขาถูกดร็อปเป็นตัวสำรองซะส่วนใหญ่กับ โลส บลังโกส เนื่องจากในตอนนั้น กองหน้าของทีมมีทั้ง ราอูล กอนซาเลซ และ โรนัลโด้ R9 ครองตำแหน่งอยู่ นั่นจึงทำให้ โอเวน อยู่กับทีมเพียงแค่ซีซั่นเดียว และได้ฝากผลงานเอาไว้ด้วยการทำไป 16 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทั้งหมด 46 นัดทุกรายการ

ต่อมา เมื่อเขารู้แล้วว่าที่ มาดริด ไม่ใช่ที่ของเขา เขาจึงย้ายกลับมายังลีกที่คุ้นเคยอย่าง พรีเมียร์ลีก ซึ่งเดิมที เจ้าตัวอยากที่จะกลับ ลิเวอร์พูล แต่การเจรจาเรื่องค่าตัวกับ เรอัล มาดริด นั้นไม่ลงตัว ทำให้สุดท้ายแล้ว โอเวน ได้มาลงเอยกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

และที่ นิวคาสเซิล นี่เองทำให้ ชีวิตการค้าแข้งของ โอเวน ดำดิ่งลงสุดขีด หลังกระดูกฝ่าเท้าหัก ทำให้ฤดูกาลแรกที่เขาย้ายไปในปี 2005-2006 เขาต้องพักช่วงครึ่งฤดูกาลแรก และต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 2 ครั้งด้วยกัน

ในฟุตบอลโลกปี 2006 หลังจากที่เขากลับมาจากอาการบาดเจ็บ โอเวน ก็ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีกที่เอ็นไขว้หน้าหัวเข่าในเกมแบ่งกลุ่มกับสวีเดน ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องพักยาวนานถึง 1 ปีเต็ม ๆ

ในช่วงเวลาที่เหลือของ โอเวน กับ เดอะ แม็กพาย โอเวน มีแต่ปัญหารุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะกับเจ้าของทีมหรือว่าอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนอยู่ตลอด ทำให้สุดท้ายแล้ว ตลอด 4 ฤดูกาล เขาได้ลงเล่นให้กับ นิวคาสเซิล ไปทั้งหมด 79 เกมทุกรายการ ทำไป 30 ประตูกับอีก 2 ประตู

สู่ทีมคู่แค้น

Getty Images

หลังจากที่ผ่านมรสุมกับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มา โอเวน ก็ได้ช็อควงการลูกหนังอีกครั้ง ด้วยการย้ายไปร่วมทีมที่ใคร ๆ ก็ไม่คิดว่าเขาจะย้ายไป นั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมคู่แค้นตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล ทีมเก่าที่เขาสร้างชื่อตัวเองขึ้นมา

ช่วงเวลาของเขากับปีศาจแดงแม้ว่าจะไม่ได้นานมาก แต่เขาก็ยังพอมีช่วงเวลา, จังหวะหรือช็อตน่าประทับใจกับทีมอยู่บ้าง

แต่มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย เพราะว่าตอนนี้ โอเวน ได้กลายเป็นนักเตะที่แฟนบอลของ ลิเวอร์พูล เกลียดชังไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือแม้กระทั่งแฟนบอลของ แมนยู เอง ก็ยังไม่ชอบใจนักเตะรายนี้รวมถึงสโมสรที่กล้าเซ็นเขาเข้ามาสู่ทีมด้วย

กล่าวคือ ตอนนี้ แม้ว่า โอเวน จะมีผลงานที่ดีสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถล้างความเกลียดชังที่มีอยู่ในตัวแฟนบอลออกไปได้ ก่อนที่สุดท้าย เขาจะย้ายออกจากทีมไปในปี 2012 ด้วยสถิติ 17 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์จากการลงเล่นทั้งหมด 52 นัด พร้อมกับแชมป์พรีเมียร์ลีก, ลีกคัพ และ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ อย่างละ 1 สมัย

ตำนานสโต๊ค

หลังออกจากโรงละครแห่งความฝัน โอเวน ก็ได้กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งกับ สโต๊ค ซิตี้ ในปี 2013 แต่มันก็แค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น ซึ่งเขาลงเล่นไปเพียงแค่ 9 เกมทุกรายการและทำได้เพียงแค่ประตูเดียวเท่านั้น

ทำเอาการค้าแข้งของ โอเวน กับ สโต๊ค ซิตี้ ยังคงเป็นเรื่องที่แฟนบอลเอามาพูดล้อกันอย่างสนุกปากจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกันกับแฟนบอลชาวไทย ที่พูดถึงเรื่องของ ไมเคิล โอเวน เมื่อไหร่ คำว่า “ตำนานสโต๊ค” ก็จะถูกพูดออกมาจากปากใครสักคนทันที

ไม่น่าจดจำ

Getty Images

จากเรื่องทั้งหมดที่เล่ามา จะเห็นได้ว่า โอเวน มีสถิติการทำประตูที่ดีแถมยังประสบความสำเร็จทั้งในแบบส่วนตัวและแบบทีม เหมาะสมกับการที่แฟนบอลควรจะเรียกเขาว่าเป็น “ตำนาน” อย่างมาก

แต่ถึงกระนั้น ด้วยทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บหนักหรือการตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันล้วนแต่ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไหร่

แฟนนิวคาสเซิล-มาดริด-สโต๊ค แทบจะลืมไปแล้วว่า โอเวน เคยเล่นให้กับพวกเขา, แฟน ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าส่วนใหญ่ยังคงเกลียดเขาไม่หาย, แฟน แมนยู ก็รู้สึกเฉย ๆ กับนักเตะรายนี้ เพราะเป็นถึงอดีตแข้งของทีมคู่แค้นอย่างหงส์แดง

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ทำให้ ไมเคิล โอเวน ไม่ใช่นักเตะระดับตำนานในสายตาแฟนบอลส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเคยประสบความสำเร็จในวงการลูกหนังมามากแค่ไหนก็ตาม

ร่วมสนุกลุ้นรางวัลพร้อมโบนัสก้อนใหญ่

ลุ้นโชคที่นี่! ทายผลฟุตบอลประจำวันกับเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือที่สุด

ติดตามบทความและข่าวสารกีฬาอื่นๆของเรา

Facebook : https://www.facebook.com/TheSportingNewsTH
Instagram : https://www.instagram.com/thesportingnews_th
Tiktok : https://www.tiktok.com/@thesportingnewsthailand

Guy Tanapon

Guy Tanapon Photo

 นักเขียน The Sporting News Thailand ผู้รักการดูฟุตบอล, ดูหนัง, ฟังเพลง และตีดอท