หากจะพูดถึงวงการฟุตบอลขาสั้นเมืองไทย ชื่อของ พรหมานุสรณ์จังหวัดเพชรบุรี อาจจะไม่ใช่ชื่อที่แฟนบอลรู้จักกันเยอะ เพราะนี่คือโรงเรียนระดับแนวหน้าเรื่องวิชาการและการศึกษาที่ไม่เป็นสองรองใครในเขต 7
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา พรหมานุสรณ์ หรือจะเรียกว่า "ทีมเด็กเรียน" ก็คงไม่ผิด สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเขี่ยทีมใหญ่อย่าง ราชวินิต บางแก้ว โรงเรียนกีฬาระดับประเทศ ที่เพิ่งจะเป็นรองแชมป์ฟุตบอล 7 สีปีนี้มาหมาด ๆ ตกรอบในศึก เมืองไทย มาดามคัพ 2024-2025
ซึ่งคนที่จะต้องให้เครดิตคงจะหนีไม่พ้น "โค้ชน็อต" สรวุฒิ นุชถาวร คุณครูและผู้ฝึกสอนของทีม โดยในวันนี้ทีมงาน TSN ได้มีการพูดคุยถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของแมตช์ที่เพิ่งจะจบลงไป เขาเตรียมทีมอย่างไร? ใช้วิธีการแบบไหน? ตามอ่านมุมมองจากโค้ชทีมเล็ก ๆ ในเมืองขนมหวานต่อได้ที่นี่
เป็นอย่างไรบ้าง ความรู้สึกหลังชนะทีมใหญ่อย่าง ราชวินิต บางแก้ว?
ความรู้สึกส่วนตัวก็ดีใจครับ ที่เด็ก ๆ มีความพยายาม และทำได้ประสบความสำเร็จครับ ส่วนเด็ก ๆ ตอนนี้ก็กำลังคึกคักเลยกับการแข่งขันและผลการแข่งขันที่ออกมา
ตอนนี้ มีหลายรายการและหลายรุ่นอายุนะครับที่เตรียมจะส่ง อย่างเช่นฟุตซอล NO-L อายุ 15 ปี แล้วก็ฟุตบอลออมสิน อายุ 18 ปีครับ
เล่าบรรยากาศในสนามตอนนั้นให้ฟังหน่อย เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ในการแข่งขันตอนนั้นทีมที่เป็นต่อก็เป็น ราชวินิต บางแก้ว นั่นแหละครับ เราขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในเกมนี้จากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูของฝั่งเขา
จากนั้น เขาก็พับสนามบุกใส่เราตลอดเลย แต่ว่าเด็กเรามีวินัยในเกมรับกัน ช่วยเหลือกันทั้งทีม ทำให้ยันอยู่ แล้วกดประตูเพิ่มได้เป็น 2-0 ก่อนที่ท้ายเกมเขาจะมาตีไข่แตกเป็น 2-1 แล้วเราก็มาบวกเพิ่มได้อีกลูกเป็น 3-1
ทาง ราชวินิต เขาก็ทำได้ดีของเขาเป็นปกติอยู่แล้วครับ เขาเป็นทีมใหญ่ ถ้าเราไปแข่งกับเขาอีกสัก 3-4 ครั้ง เราก็อาจจะแพ้ แต่ในเกมนี้ ด้วยความที่เราวินัยดี และความแตกต่างของจังหวะฟุตบอลในแต่ละเกม มันก็ทำให้เราชนะไปครับ
3 นัดที่ผ่านมา ยิงไป 16 ประตู มีการเตรียมทีมอย่างไรบ้าง?
จริง ๆ เตรียมทีม ไม่ได้เตรียมอะไรมากเลยครับ ต้องบอกก่อนว่าพรหมานุสรณ์ ไม่ใช่โรงเรียนกีฬา เป็นโรงเรียนที่เน้นวิชาการ แต่ก็มีเด็ก ๆ ที่มีความสามารถทางด้านฟุตบอล อยากเล่นฟุตบอล อยากมาซ้อมทุกวัน แต่ทีมเราไม่ได้มีการเก็บตัวนะ แค่ซ้อมทุกวัน เราเน้นเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการซ้อมและการแข่งในหลาย ๆ รายการไปแบบนี้มากกว่าครับ
ตอนรู้ว่าต้องเจอกับรองแชมป์ 7 สีอย่าง ราชวินิต มีวิธีบอกเด็กให้ลงไปสู้ในสนามยังไง?
ทุกครั้งที่มีแข่งรายการใหญ่ ๆ หรือว่าเจอทีมใหญ่ ๆ ผมจะบอกเด็กว่านี่เป็นความโชคดีของเด็ก ๆ นะ ที่ได้มาเจอกับทีมใหญ่ ๆ เราเป็นทีมเล็ก เราเป็นทีมบ้าน ๆ จากต่างจังหวัด เล่นให้เต็มที่ เล่นให้สนุก สนุกไปกับฟุตบอล
ถ้าเราแพ้ มันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเราชนะ เราสามารถพลิกชีวิตตัวเองได้เลยนะบางคน ผมบอกกับเด็กเสมอว่าให้เล่นเต็มที่ แพ้-ชนะ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แพ้เท่ากับเจ๊า ชนะเท่ากับดัง
ด้วยความที่เพชรบุรีมันไม่ได้มีทีมฟุตบอลด้วยเหมือนจังหวัดข้างเคียงอย่าง ราชบุรี, ประจวบ มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กทะเยอทะยานและกระหายอยากชนะ อยากเจอทีมใหญ่ ๆ
และตัวเด็กเอง ก็เข้าใจวิธีการทำบอลของผมด้วย เราทำเพื่ออนาคตของตัวเอง มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ทำให้เต็มที่ แพ้หรือว่าชนะ มันอีกเรื่องหนึ่งจริง ๆ ครับ
เปรียบพรหมาเป็นฟุตบอลสไตล์ไหน มีต้นแบบในการทำทีมฟุตบอลรึเปล่า?
ถ้าสไตล์การทำทีม ผมก็ทำเหมือนกับ ราชวินิต บางแก้ว เลยครับ เพราะว่าผมเคยไปเป็นครูฝึกสอนที่นั่น แล้วผมก็เอาวิธีการต่าง ๆ ที่นั่นมาปรับใช้กับที่พรหมานุสรณ์
แต่จริง ๆ แล้วก็เอามาปรับใช้ได้ไม่ได้มากขนาดนั้นนะครับ เพราะว่าทาง ราชวินิต เป็นโรงเรียนกีฬา แต่ พรหมา เป็นโรงเรียนที่เน้นวิชาการ เราก็ต้องมาคอยปรับคอยดูเด็กในแต่ละรุ่น
บางรุ่นก็มีเด็กที่มีพรสวรรค์หลายคน เด็กบางรุ่นก็อาจจะมีแบบนั้นแค่ 2-3 คน เราก็ต้องมีการปรับกันไปในแต่ละรุ่น มันไม่เหมือนกันเวลาฝึกซ้อม ตั้งแต่อายุ 13-18 รูปแบบการซ้อมก็จะไม่เหมือนกันด้วย